เจดับบลิวที (JWT) บริษัทที่ปรึกษาด้านการสื่อสารการตลาดชั้นนำระดับโลกในเครือดับบลิวพีพี
กรุ๊ป ร่วมเฉลิมฉลองพร้อมกันอย่างยิ่งใหญ่ในโอกาสครบรอบ 150 ปี
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา ประกาศขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง
พร้อมมุ่งสู่การเป็นเบอร์หนึ่งที่ปรึกษาด้านสื่อสารการตลาด ยุคดิจิตัล
และในโอกาสนี้ เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ได้ริเริ่มกิจกรรมเพื่อสังคม “Spark
the Future” โดยจับมือกับ 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
ร่วมบ่มเพาะและผลิตคนโฆษณารุ่นใหม่เพื่อพัฒนาธุรกิจความคิดสร้างสรรค์ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
ในโอกาสเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์แห่งการเป็นผู้บุกเบิก
เจดับบลิวทีได้ขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้าด้วยพันธกิจและวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตด้วยการสร้างสรรค์ความคิดเชิงบุกเบิก
โดยให้ผู้บริโภคเกิดความต้องการในการมีส่วนร่วมและอยากใช้เวลาอยู่ด้วย “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้ร่วมงาน
องค์กรชั้นนำระดับโลก ในช่วงเวลาที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เจดับบลิวที คือ
เอเจนซี่โฆษณาที่มีดีเอ็นเอของการเป็นผู้บุกเบิก ในเรื่องของการสร้างแบรนด์ ลูกค้า
และผู้บริโภค” กล่าวโดย มร. กุสตาโว มาร์ติเนซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
แห่งเจดับบลิวที เวิลด์ไวด์ และกล่าวเสริมอีกว่า “กลยุทธ์ของเราในการเติบโตในปีหน้าและปีถัดๆ
ไปนี้ คือ
การดึงเอาจุดแข็งขององค์กรออกมาจากจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้บุกเบิกของเราออกมา”
จากการเป็นผู้บุกเบิกในหลายๆ
ด้านในธุรกิจอุตสาหกรรมโฆษณา อาทิ การบุกเบิกโฆษณาทางนิตยสารในการเป็นเอเจนซี่โฆษณาแรกที่ขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศ
อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ได้มีการส่งคิทแคท (Kit Kat) ออกไปสู่อวกาศ
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้บุกเบิกในโลกของอุตสาหกรรมโฆษณาที่เจดับบลิวทีได้สร้างสรรค์ความคิดและวิธีการใหม่ๆ
ในการสื่อสารที่ชัดเจนและทำให้เกิดการมีส่วนร่วม
อีกทั้งยังเป็นที่จดจำได้มากที่สุดในโลกอีกด้วย
ในขณะที่ มร. บ็อบ เฮคเคลแมน
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจดับบลิวที ประจำภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กล่าวว่า “เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ)
ได้ดำเนินงานให้สอดคล้องกับเจดับบลิวทีทั่วโลก โดยเป็นเอเจนซี่โฆษณาที่ให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์แบรนด์และคิดค้นไอเดียใหม่ๆ
ตลอดจนมีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนากลยุทธ์สื่อสารการตลาดแบบรอบด้าน
โดยเฉพาะการสร้างแบรนด์ผ่านทางสื่อดิจิตัลที่กำลังมีบทบาทอย่างสูงในการตลาดยุคปัจจุบัน
และถือเป็นหลักการทำงานที่สำคัญที่ทางเจดับบลิวทีทั่วโลกและประเทศไทยได้คำนึงมาโดยตลอด”
นอกจากนี้ มร. บ็อบ เฮคเคลแมน
ยังได้เปิดเผยถึงแนวการทำงานของเจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ภายใต้นโยบายการบริหารงานของ มร. กุสตาโว
มาร์ติเนซ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เจดับบลิวที เวิลด์ไวด์ และ มร. แมตต์ อีสต์วู้ด
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ ที่ต้องการให้บุคคลากรภายในองค์กรทุกฝ่ายตั้งแต่ฝ่ายบริหารงานลูกค้า
ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ ฝ่ายความคิดสร้างสรรค์และฝ่ายการเงิน
ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนางานด้านครีเอทีฟทุกชิ้น ทั้งนี้เพื่อให้ได้ผลงานการสร้างสรรค์และยุทธวิธีที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคและลูกค้าได้มากที่สุด
ขณะเดียวกันได้ให้ผนึกกำลังร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรของดับบลิวพีพี กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสื่อสารการตลาดประเภทต่างๆ
และมีสำนักงานสาขาตั้งอยู่ทั่วโลกและในประเทศไทย
ได้ร่วมกันทำงานแบบอินเตอร์คอนเนคชั่น (Interconnection) นำศักยภาพและจุดเด่นของแต่ละฝ่ายมาพัฒนากลยุทธ์ร่วมกันแบบ
360 องศา เพื่อให้ได้ผลงานที่มีประสิทธิภาพอันยอดเยี่ยมและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบรอบด้าน
“เจดับบลิวที (กรุงเทพ) มีบริษัทพันธมิตรภายใต้เครือดับบลิวพีพีกรุ๊ป
และเจดับบลิวที กรุงเทพฯ กรุ๊ป ที่เหนียวแน่น ซึ่งมีความเชี่ยวชาญงานด้านการสื่อสารที่รอบด้าน
เช่น เวิรฟ (Verve Public Relations Consultancy)
ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ชั้นนำ ดีกรี (Degree) ศูนย์กลางงานดีไซน์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบครบวงจร
และ เจ-คอนเนคท์ (J-Connect) ครีเอทีฟดิจิตัลเอเจนซี่
ที่เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารการตลาดบนช่องทางสื่อดิจิตัลและออนไลน์ ดังนั้นด้วยศักยภาพของพันธมิตรที่เรามีอยู่จึงทำให้เราสามารถสร้างสรรค์ผลงานและพัฒนาแผนการสื่อสารการตลาดที่ครอบคลุมได้อย่างยอดเยี่ยม”
มร.
บ็อบ เฮคเคลแมน กล่าว
ด้านคุณปรัตถจริยา ชลายนเดชะ กรรมการผู้จัดการ
เจดับบลิวที (กรุงเทพ) ในฐานะหัวเรือใหญ่คนใหม่ล่าสุด ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารการตลาดบนช่องทางดิจิตัลว่า
“เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ตระหนักดีว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมีความเครียดจากสภาวะกดดันจากรอบด้านมากขึ้น
รวมถึงเวลาที่พวกเขาจะสนใจงานโฆษณา หรือการสื่อสารต่างๆ ก็น้อยลง ด้วยเหตุนี้เราจึงนำ
“Time,
Tension, and Idea (เวลา ความกดดัน และไอเดีย) มาเป็นแนวทางในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ของลูกค้า
เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และการบริการของพวกเขากลายเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์และช่วยแก้ไขปัญหาสภาวะกดดันของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกันก็จะทำให้ผู้บริโภคให้ความสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมกับแคมเปญการสื่อสารมากยิ่งขึ้น”
ในโอกาสเดียวกันนี้ เจดับบลิวที
(กรุงเทพฯ) ยังได้ตระหนักถึงอนาคตของธุรกิจโฆษณาในประเทศซึ่งเป็นธุรกิจที่มีทรัพยากรบุคคลเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก
จึงได้ริเริ่มโครงการ “Spark
The Future” โดยการร่วมมือกับ 5 มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ
ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ในการเข้าไปมีส่วนช่วยทางด้านการศึกษาทั้งการบ่มเพาะและให้คำแนะนำจากประสบการณ์จริงในธุรกิจอุตสาหกรรมโฆษณาแก่ทั้งอาจารย์และนิสิตนักศึกษา
เพื่อเป็นการผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพให้สาขาอาชีพนักโฆษณา “โครงการนี้ริเริ่มขึ้นเนื่องในโอกาสที่
JWT ครบรอบ 150 ปี
โดยเรามีความมุ่งมั่นที่จะเป็นอีกหนึ่งผู้ช่วยเหลือและผลักดันให้มีบุคลากรคุณภาพเข้ามาในวงการโฆษณา
ดังนั้น จึงขอความร่วมมือมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้ง 5 แห่ง
เพื่อแบ่งปันประสบการณ์จริงในการสร้างแบรนด์
และกรณีศึกษาต่างๆและการตัดสินรางวัลบนเวทีโฆษณาทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ
เพื่อเป็นส่วนประกอบของหลักทฤษฎีในหลักสูตร
รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาเข้าฝึกงานที่เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ)
เพื่อเติมเต็มความรู้
และพัฒนานักศึกษาให้เตรียมพร้อมรับมือกับโลกที่แท้จริงในการทำงานในอนาคต
และก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจโฆษณาอย่างเต็มภาคภูมิ
โดยโครงการนี้จะดำเนินการต่อไปในทุกๆปี เพื่อให้มั่นใจว่า เจดับบลิวที
มีส่วนร่วมในการพัฒนาอนาคตของวงการโฆษณาอย่างแท้จริง” คุณปรัตถจริยา
ชลายนเดชะ กล่าว
ทั้งนี้
อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเจดับบลิวทีในโอกาสครบรอบ 150 ปี คือ การปรับเปลี่ยนโลโก้เป็น
นกฮูกและตะเกียง (The Owl and the Lamp) ซึ่งเป็นการรวมสัญลักษณ์แห่งความสติปัญญา
ความรอบรู้ แสงสว่าง และวิสัยทัศน์อันชัดเจน
โดยเมื่อรวมกันแล้วมีความหมายถึงประสบการณ์และความรู้ที่นำไปสู่ความสำเร็จ
เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) เป็นเอเจนซี่ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในการสร้างสรรค์ไอเดียและกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดให้แก่แบรนด์ชั้นนำทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
โดยกว่า 32
ปีแห่งการเติบโตอย่างมั่นคงในประเทศไทย
เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ยังคงยึดมั่นรักษาวัฒนธรรมและปรัชญาในการทำงานอันเป็นเสมือนมรดกที่สืบทอดมาอย่างยาวนานกว่า 150 ปี นับตั้งแต่ยุคแรกเริ่มในชื่อ เจ. วอลเตอร์ ทอมป์สัน จนกระทั่ง เจดับบลิวที เวิลด์ไวด์ ในปัจจุบัน รวมทั้งยังเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตและยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
เจดับบลิวที (กรุงเทพฯ) ยังคงยึดมั่นรักษาวัฒนธรรมและปรัชญาในการทำงานอันเป็นเสมือนมรดกที่สืบทอดมาอย่างยาวนานกว่า 150 ปี นับตั้งแต่ยุคแรกเริ่มในชื่อ เจ. วอลเตอร์ ทอมป์สัน จนกระทั่ง เจดับบลิวที เวิลด์ไวด์ ในปัจจุบัน รวมทั้งยังเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตและยืนหยัดได้อย่างมั่นคง