หากใครกำลังมองหาร้านอาหารสำหรับทานมื้อเย็นสไตล์อิตาเลี่ยน
หรือนั่งดริงค์ในบรรยากาศสุดชิลล์ การตกแต่งหรูหรา แถมอาหารและเครื่องดื่มสุดแสนอร่อยในราคาที่คบได้ วันนี้เลยถือโอกาสมาแนะนำร้านใหม่ประเดิมต้นปีนี้กันเลย
นั่นคือร้าน Tonino
Lamborghini Café Lounge Flagship Venue ครับ
ได้ยินชื่อแล้วหลายคนคงคิดถึงรถยี่ห้อราคาแพงโลโก้กระทิงดุขึ้นมาในหัวทันที ถูกต้องแล้วครับ นับเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Lamborghini Café
Lounge Flagship Venue
มาเปิดในบ้านเราแล้วครับ
ที่จริงแล้วผมก็ไม่ทราบหรอกครับว่า แบรนด์รถหรูได้มาเปิดร้านอาหาร
นั่งดื่มสุดชิลล์ใจกลางสุขุมวิท
บังเอิญผมได้ไปเล่นเกมส์กับคลื่นวิทยุอินเตอร์ Met 107 และเป็นผู้โชคดีได้รับบัตร
Voucher มูลค่า
2500 บาท
ก็เลยได้รู้จักกับที่นี่ครับเลยมาใช้บริการในช่วงวันหยุดที่ผ่านมานี่เอง และเมื่อสอบถามพนักงานถึงร้านว่าเปิดมานานเท่าไรแล้ว ก็ได้คำตอบครับว่าที่นี่เพิ่งเปิด Grand
Opening ไปเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2558 นี่เอง สดๆร้อนๆเลยทีเดียว
การเดินทางมายังร้านก็ง่ายนิดเดียวครับจากปากซอยสุขุมวิท
63
เข้ามา 100
เมตร ร้านจะอยู่ด้านขวามือ ติดกับทรูคอฟฟี่ มีลานจอดรถบนอาคารไว้บริการ ถ้าหากมาด้วยรถไฟฟ้า BTS ก็ให้มาลงสถานีเอกมัย
เข้าซอยสุขุมวิท 63 เข้ามา 100 เมตรร้านจะอยู่ด้านขวามือติดกับทรูคอฟฟี่
แนบแผนที่มาให้ด้วยครับ
เมื่อมาถึงร้านจากหน้าทางเข้าจะมีเค้าเตอร์พนักงานต้อนรับจัดตกแต่งเป็นบาร์สไตล์โรงแรม
และจะมีพนักงานพาเราไปยังโต๊ะที่นั่ง ที่นี่จะแบ่งเป็น 2โซน
คือ In Door แบ่งเป็นเค้าเตอร์บาร์ด้านหน้าทางเข้าและด้านในสุดตรงบูทดีเจ
กับ Out Door ด้านนอกร้านแบบโปร่งโล่งสบาย
ซึ่งผมก็ได้เลือกนั่งตรงด้านนอกครับเพราะผมชอบแบบโล่งๆ
มาถึงปุ๊บก็ไม่รอช้าเริ่มสั่งอาหารและเครื่องดื่มกันเลย
อาหารของที่นี่เป็นแบบอิตาเลี่ยนฟิวชั่นที่เน้นความเรียบง่ายแต่แฝงความพิถีพิถัน
เน้นคุณภาพที่คัดสรรมาอย่างดี ซึ่งเชฟของที่นี่ก็ไม่ธรรมดาการันตีฝีมือจากกอร์ดองเบลอนะจ๊ะ
สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่ผมได้สั่งมานั้นเรามาชมตามภาพกันเลยครับ นั่งปุ๊บพนักงานก็เอา Snack มาเสิร์ฟบริการเพื่อเป็นการรองท้องกันก่อนครับ
อาหารจานแรกของผมคือ Caesar Salad สูตรเชฟอิตาลี
จุดเด่นของซีซาร์สลัดอยู่ที่ผักกาด Romaine และ
พาร์มีซานชีส ใส่ปลาแองโชวี่ น้ำสลัดข้นใสที่เน้นรสเค็มปลายๆ และได้กลิ่นของน้ำมันมะกอกรสชาติลงตัวครับ
จานต่อมา พิซซ่า Kuni-ola เป็นพิซซ่ารสเลิศสไตล์อิตาเลี่ยน
แป้งพิซซ่าของที่นี่จะบางกรอบ ไม่เหนียว ประดับหน้าแบบจัดเต็มด้วยซาลามี่พริกและตกแต่งด้วย
พริกหยวก นอกจากพิซซ่าแล้วที่นี่ยังมีเมนูอาหารอิตาเลี่ยนที่มากันเป็นจานใหญ่ๆ แบบจัดเต็มใครอยากชิมพิซซ่าในบรรยากาศครอบครัวมาที่นี่ไม่ผิดหวังครับรสชาติเยี่ยมมาก
รับรองหมดถาดครับ
สำหรับอาหารจานที่ 3 มีชื่อว่า Duck Confit เป็นอาหารฟิวชั่นที่นำมาดัดแปลงตกแต่งสไตล์ไทยนิดๆ
ด้วยเนื้อเป็ดที่ทางร้านจะนำไปอบและย่างตามสูตรของเชฟ ทานคู่กับเห็ดผัดซอสซีอิ๋ว
มายองเนส พริกไทย ที่เข้ากันอย่างลงตัว ตกแต่งสีสันด้วยดอกอัญชันสีม่วงสด
มาถึงเครื่องดื่มครับเริ่มกันที่ virgin mojito
จะไม่มีแอลกอฮอล์ รสชาติเปรี้ยวนิดหวานหน่อยให้ความรู้สึกสดชื่นของใบสะระแหน่ลงตัวที่เดียวครับสมองผ่อนคลายอารมณ์
55555 แก้วต่อมาจะเป็น Margarita เครื่องดื่มสุดคลาสสิค เอกลักษณ์ของค็อกเทลตัวนี้ของทางร้าน
มีรสชาติเปรี้ยว หวานและเค็ม ผสมผสานกันจนออกมาเป็นรสที่กลมกล่อม กลิ่นละมุนเตะจมูกมากครับ
ถัดมาจะเป็นเบียร์ครับซึ่งเบียร์ที่นี่มีให้เลือก
3 ยี่ห้อเป็นเบียร์อิตาลีทั้ง 3 ตัว ผมจำชื่อไม่ได้ทั้งหมดแต่ตัวที่เลือกมานี่มีชื่อว่า
Peroni ครับ
เบียร์อันดับต้นๆ ของอิตาลี เนื้อเบียร์สีทองจาง รสชาตินุ่มละมุน ให้กลิ่นหอม
ติดจมูก ของขนมปังอบใหม่ ผสมผสานกับความหวานและน้ำตาลคาราเมลอ่อนๆ บอดี้แน่นเหมาะสำหรับคอเบียร์ทั้งหลายครับ
มาตบท้ายกันด้วยเมนูของหวานที่เป็น signature ของร้านครับ
CRK Nitro Molecular คือ ดริ๊งค์ที่ผสานศาสตร์แห่งวิทย์เข้ากับศิลป์แห่งการปรุงเครื่องดื่ม
ซึ่งใช้ไนโตรเจนเหลวในสภาพที่เย็นจัด
มีอุณหภูมิลบ 190 องศาเพื่อให้เกิดโสตสัมผัสใหม่ โดยเฉพาะการเสิร์ฟ
ตื่นตาตื่นใจ เสมือนเป็นนักวิทยาศาตร์ 55555 ได้เห็นทั้งควันฟุ้ง ฟองฟู่ ชวนสนุก มาทำกันตรงหน้าเลยครับ
ผมไม่มั่นใจว่าส่วนผสมที่เชฟใส่ลงไปทำให้แข็งตัวมีอะไรบ้าง จากของเหลวเป็นของแข็งในพริบตา
เหมือนไอศครีม มีกลิ่นไซรัปและเหล้าปลายๆ กลิ่นหอมเตะปลายลิ้น โรยด้วยช็อคโกแลต
ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่และสตอเบอรี่เพื่อความสวยงาม รสชาติละมุนลงตัวเลยที่เดียว


หากใครที่กำลังมองหาร้านอาหารบรรยากาศสบายๆ ที่
Hang out ใหม่ๆ เช็คอินเก๋ๆ ที่นี่คงจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับคนที่ชอบสังสรรค์ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ ที่ได้มาใช้บริการพนักงานทุกคนบริการดีแนะนำและให้ข้อมูลอาหารได้อย่างน่าสนใจยิ้มแย้มพร้อมบริการ
รสชาติอาหารถือว่าดีครับ บรรยากาศสบายลงตัว มีเปิดแผ่นจากดีเจสาวสวยสลับกับวงดนตรี
ส่วนค่าอาหารผมก็ถือว่าไม่ต่างจากร้านอาหาร อื่นๆ ในย่านนั่นเลยและบนโรงแรม Rooftop ต่างๆใจกลางเมือง ทั้งเครื่องดื่มและอาหาร
เครื่องดื่มเริ่มต้นที่ 190 บาท อาหารเริ่มต้นที่ 200 บาท หากไปก่อน 2 ทุ่มจะมีโปรโมชั่นเบียร์ครับ
อย่าเพิ่งตัดสินจากชื่อร้านและแบรนด์โลโก้ที่ดูหรูหรานะครับ ราคาจริงๆแล้วไม่ได้แพงอย่างที่คิด
ถือว่าคบได้ในราคาที่พอใจครับ ^^
คราวหน้าผมจะมารีวิว กาแฟและเบเกอรี่ในรูปแบบของ Lamborghini ให้ชมกันครับ